เทคโนโลยีการศึกษายุคสื่ออิเล็กทรอนิกส์
การพัฒนาสื่อเพื่อใช้ในการเรียนการสอนมีพัฒนาการมายาวนาน
เนื่องจากสื่อเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ทักษะต่างๆ
จากผู้สอนไปยังผู้เรียนได้เป็นอย่างดี
เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมความคิดระหว่างกันและกัน หากสื่อได้รับการออกแบบ
พัฒนาอย่างดี ก็จะสามารถสร้างความเข้าใจในประเด็นที่ต้องการนำเสนอได้อย่างถูกต้องด้วย
กระแสสังคมเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Society) นับว่าเป็นกระแสที่มาแรงมาก
ประเทศส่วนมากในโลกทั้งที่พัฒนาแล้ว และกำลังพัฒนา
ต่างก็ก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาร่วมพัฒนากิจกรรมต่างๆ
ของประเทศ การศึกษานับเป็นกิจกรรมหนึ่งที่มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาร่วมผสมผสาน
นับตั้งแต่การนำคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นสื่ออุปกรณ์ในการเรียนการสอน
การจัดทำหลักสูตรวิชาคอมพิวเตอร์
จนก้าวสู่การใช้คอมพิวเตอร์พัฒนาสื่อช่วยเสริมการเรียนการสอน ที่เรียกว่า “สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ CAI
– Computer Aided Instruction เมื่อเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนามาถึงยุคโลกไร้พรมแดน
ด้วยเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet) การเรียนการสอนก็ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างมาก
โดยมีการนำบริการต่างๆ
ของอินเทอร์เน็ตมาพัฒนาเป็นสื่อถ่ายทอดวิชาการความรู้สาขาต่างๆ เข้าสู่ระบบ
เพิ่มช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียน
CAI
ประเทศไทยได้มีการนำคอมพิวเตอร์
มาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสื่อการเรียนการสอน
การถ่ายทอดความรู้เป็นระยะเวลานานพอสมควร โดยอาจจะนับได้ว่าจุดเริ่มต้นตั้งแต่การใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนวิชาคอมพิวเตอร์
จากนั้นก็มีการสร้างสื่อการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ แทนที่เอกสารหนังสือ เรียกว่า
สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI (Computer Aided Instruction) ซึ่งมีซอฟต์แวร์ที่เป็นเครื่องมือให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย
ทั้งที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการดอส เช่น โปรแกรมจุฬาซีเอไอ (Chula CAI) พัฒนาโดยแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โปรแกรม ThaiTas
ที่ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์เทคโนโลยีเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
รวมถึงซอฟต์แวร์สำเร็จรูปจากต่างประเทศ เช่น ShowPartner F/X, ToolBook,
Macromedia Authorware
WBI
ด้วยพัฒนาการทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ การสื่อสาร และสารสนเทศ (ICT: Information and
Communication Technology) อันก่อให้เกิดเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการติดต่อสื่อสาร
การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันและกัน
และมีการนำเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอน
การฝึกอบรม รวมทั้งการถ่ายทอดความรู้ โดยพัฒนา CAI เดิมๆ
ที่ทำงานแบบ Stand-alone บนพีซีเดี่ยวๆ
ให้เป็นสื่อการเรียนการสอนที่อยู่บนฐานของเทคโนโลยีเว็บ หรือ WBI
(Web-based Instruction) ส่งผลให้การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนได้รับความนิยมอย่างสูง
สามารถเผยแพร่ได้รวดเร็ว และกว้างไกลกว่าสื่อ CAI ปกติ
ด้วยประเด็นสำคัญ 3 ประการได้แก่
สามารถประหยัดเงินที่ต้องลงทุนในการจัดหาซอฟต์แวร์สร้างสื่อ (Authoring Tools) ไม่จำเป็นต้องซื้อโปรแกรมราคาแพงๆ
มาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสื่อการเรียนการสอน เพราะสามารถใช้ NotePad ที่มาพร้อมกับ Microsoft Windows ทุกรุ่น หรือ Text
Editor ใดๆ ก็ได้ลงคำสั่งภาษา HTML (HyperText Markup
Language) สร้างเอกสาร HTML ที่มีลักษณะการถ่ายทอดความรู้ด้านการศึกษาคุณสมบัติของเอกสารเว็บที่สามารถนำเสนอข้อมูลได้ทั้งข้อความ
ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียงวีดิทัศน์ และสามารถสร้างจุดเชื่อมโยง (Links) ไปตำแหน่งต่างๆ ได้ตามความต้องการของผู้พัฒนา ในลักษณะ Interactive
บริการต่างๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ทำให้เกิดช่องทางการสื่อสารระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนในระบบ 7 x 24 และไม่จำกัดด้วยสถานที่
WBI/WBL/WBT
สื่อการเรียนการสอนที่อยู่บนฐานของเทคโนโลยีเว็บ
มีการเรียกด้วยคำต่างๆ เช่น WBI (Web-based Instruction) หรือ WBL
(Web-based Learning) หรือ WBT (Web-based Training) คงมีหลายท่านสงสัยว่าแต่ละคำมีความหมายเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไร
จากการศึกษาเอกสารต่างๆ และประสบการณ์ของผู้เขียน พบว่าทั้ง 3 คำคือการเรียนการสอนด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเช่นเดียวกัน
โดยมีจุดเด่นที่ชัดเจนคือ การส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์จะใช้โปรโตคอล TCP/IP
และ HTTP และรูปแบบการเรียนการสอนก็เป็นไปได้ทั้งแบบประสานเวลา
(Synchronous: ตัวอย่างการพูดคุยด้วย IRC) และแบบไม่ประสานเวลา (Asynchronous: ตัวอย่างการใช้อีเมล์ในการติดต่อสื่อสาร)
แต่เหตุผลที่มีการใช้คำเรียกแตกต่างกันเนื่องจากรูปแบบการนำไปประยุกต์ใช้
ทั้งนี้จะพบว่าหน่วยงาน องค์กรต่างๆ
ที่ต้องการพัฒนาระบบฝึกอบรมพนักงานด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายเว็บ
มักจะใช้คำว่า WBT ในขณะที่สถานศึกษาต่างๆ จะใช้คำว่า WBI ส่วน WBL
จะหมายถึงสื่อการเรียนการสอนอิเล็กทรอนิสก์ผ่านเครือข่ายเว็บ
ที่ผู้พัฒนาจะเป็นใครก็ได้ ผู้เรียนเป็นใครก็ได้
จึงเน้นไปที่การเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิตนั่นเอง
(อย่างไรก็ตามเอกสารเล่มนี้จะใช้คำว่า WBI เป็นหลัก
เพื่อให้สอดคล้องกับพัฒนาการจาก CAI นั่นเอง) ทั้งนี้ WBI
นับเป็นรูปแบบเริ่มต้นของการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
มีทั้งรูปแบบง่ายๆ นำเสนอเนื้อหาวิชาการ ความรู้เฉพาะด้าน
จนถึงระบบที่มีการสมัครสมาชิก ให้บริการเฉพาะสมาชิก เนื้อหานำเสนอทั้งข้อความ
ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือการจำลองสถานการณ์ผ่านระบบเครือข่ายก็ได้
E-Learning
สื่อการเรียนการสอนในรูปแบบ E-Learning สามารถกล่าวได้ว่าเป็นรูปแบบที่พัฒนาต่อเนื่องมาจาก
WBI โดยมีจุดเริ่มต้นจากแผนเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของชาติ
สหรัฐอเมริกา (The National Educational Technology Plan’1996) ของกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐอเมริกา
ที่ต้องการพัฒนารูปแบบการเรียนของนักเรียนให้เข้ากับศตวรรษที่ 21 การพัฒนาระบบการเรียนรู้จึงมีการนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมาช่วยเสริมอย่างเป็นจริงเป็นจัง
ดังนั้นสามารถกล่าวได้ว่า E-Learning คือ
การนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะบริการด้านเว็บเพจเข้ามาช่วยในการเรียนการสอน
การถ่ายทอดความรู้ และการอบรม
E-Learning จึงมีหมายถึง “การใช้ทรัพยากรต่างๆ
ในระบบอินเทอร์เน็ต มาออกแบบและจัดระบบ เพื่อสร้างระบบการเรียนการสอน
โดยการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย
ตรงกับความต้องการของผู้สอนและผู้เรียน
เชื่อมโยงระบบเป็นเครือข่ายที่สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา และทุกคน
สามารถประเมิน ติดตามพฤติกรรมผู้เรียนได้เสมือนการเรียนในห้องเรียนจริง” โดยสามารถพิจารณาได้จากคุณลักษณะ ดังนี้
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
เกี่ยวข้องกับเนื้อหารายวิชาใดวิชาหนึ่งเป็นอย่างน้อย หรือการศึกษาตามอัธยาศัย
ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง จากทุกที่ทุกเวลาโดยอิสระ
ผู้เรียนมีอิสระในการเรียน
การบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้แต่ละเนื้อหา
ไม่จำเป็นต้องเหมือนกับหรือพร้อมกับผู้เรียนรายอื่น
มีระบบปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน และสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้
มีเครื่องมือที่วัดผลการเรียนได้
มีการออกแบบการเรียนการสอนอย่างมีระบบ
ผู้สอนมีสภาพเป็นผู้ช่วยเหลือผู้เรียน ในการค้นหา การประเมิน
การใช้ประโยชน์จากเนื้อหา จากสื่อรูปแบบต่างๆ ที่มีให้บริการ
มีระบบบริหารจัดการการเรียนรู้ (Learning Management System: LMS)
มีระบบบริหารจัดการเนื้อหา/หลักสูตร (Content Management System:
CMS)
เทคโนโลยีสมัยใหม่และสื่ออิเล็กทรอนิกน์ต่างๆมีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ทั้งในระบบนอกระบบและตามอัธยาศัย มีบทบาทในการยกระดับการศึกษา เทคโนโลยีสมัยใหม่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในทุกๆด้าน หากมนุษย์ขาดข้อมูลข่าวสารหรือความรู้ที่ทันสมัยไม่มีข้อมูลในการปฏิบัติงานเป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการลงมือทำงาน ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ตัดสินใจผิดพลาดอันจะส่งผลให้งานที่ปฏิบัติไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรหรืออาจประสบกับความล้มเหลวในงานที่ปฏิบัติได้
การความรู้และการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์
การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความสำคัญมากขึ้นเป็นลำดับ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว
อี-เลิร์นนิ่งแพร่ขยายเข้าไปถึงการศึกษาในระบบ การพัฒนาบุคลากรในองค์การธุรกิจ
รวมถึงการเรียนรู้ส่วนบุคคล แต่สำหรับประเทศไทย
การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์นับว่าเป็นเรื่องใหม่มาก
และยังไม่มีการนำไปใช้ประโยชน์มากนัก อย่างไรก็ตาม
ในภาวะที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากแรงขับเคลื่อนจากกระแสโลกาภิวัตน์
การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้องเร่งเตรียมความพร้อมของประชาชนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
อี-เลิร์นนิ่งจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีความเหมาะสมสำหรับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศเพื่อการแข่งขันในโลกยุคใหม่
การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
หรืออี-เลิร์นนิ่ง (e-learning) หมายถึง
การเรียนรู้บนฐานเทคโนโลยี (Technology-based learning) ซึ่งครอบคลุมวิธีการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ อาทิ การเรียนรู้บนคอมพิวเตอร์ (computer-based
learning) การเรียนรู้บนเว็บ (web-based learning) ห้องเรียนเสมือนจริง (virtual classrooms) และความร่วมมือดิจิทั่ล
(digital collaboration) เป็นต้น
ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท อาทิ อินเทอร์เน็ต (internet) อินทราเน็ต (intranet) เอ็กซ์ทราเน็ต (extranet) การถ่ายทอดผ่านดาวเทียม (satellite broadcast) แถบบันทึกเสียงและวิดีทัศน์ (audio/video
tape) โทรทัศน์ที่สามารถโต้ตอบกันได้ (interactive TV) และซีดีรอม (CD-ROM)
การขยายโอกาสทางการศึกษา
การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มีต้นทุนในการจัดการศึกษาที่ต่ำกว่าการศึกษาในชั้นเรียน
ถึงแม้ว่าเงินทุนในช่วงแรกหรือต้นทุนคงที่ (fixed cost) ของการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จะค่อนข้างสูง
แต่อี-เลิร์นนิ่งจะสามารถตอบสนองต่อผู้เรียนได้มากกว่าการจัดการศึกษาในห้องเรียน
โดยที่ผู้จัดการศึกษามีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหน่วยสุดท้าย (marginal cost) เกือบเป็นศูนย์ แม้ว่าจะมีการจัดการศึกษาให้แก่ผู้เรียนจำนวนมากขึ้นก็ตาม
ทั้งนี้หากเปรียบเทียบต้นทุนทั้งหมด (total cost) การจัดการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการเรียนรู้ในชั้นเรียนถึงร้อยละ 40 นอกจากนี้ผู้เรียนยังสามารถเรียนรู้ ได้ทุกที่ ทุกเวลาและทุกคน (anywhere
anytime anyone) และไม่ว่าจะทำการศึกษา ณ สถานที่ใด
การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จะยังคงมีเนื้อหาเหมือนกันและมีคุณภาพที่เท่าเทียมกัน
และยังสามารถวัดผลของการเรียนรู้ได้ดีกว่า การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทำให้โอกาสในการศึกษาของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น
ส่งผลทำให้ประชาชนมีความรู้และทักษะที่สูงขึ้น
ซึ่งเป็นผลดีต่อการพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจที่ต้องใช้ความรู้และเทคโนโลยีเข้มข้นมากขึ้น
การพัฒนาตามศักยภาพและความสนใจของผู้เรียน
การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ทำให้ผู้เรียนมีเสรีภาพในการเลือกเนื้อหาสาระของการเรียนรู้
โดยไม่ถูกจำกัดอยู่ภายใต้กรอบของหลักสูตร
ผู้เรียนสามารถกำหนดเส้นทางการเรียนรู้ของตนเองได้ (self-pace
learning) ตามความสนใจและความถนัดของผู้เรียน
การเรียนรู้ไม่จำเป็น ต้องเรียงตามลำดับหรือเป็นโปรแกรมแบบเส้นตรง
แต่ผู้เรียนสามารถข้ามขั้นตอนที่ตนเองคิดว่าไม่จำเป็น
หรือเรียงลำดับการเรียนรู้ของตนเองได้ตามใจปรารถนา
การเรียนรู้ตามศักยภาพและความสนใจของผู้เรียน
ทำให้ประชาชนในประเทศเกิดการพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีความจำเป็นในการแข่งขันในเศรษฐกิจบนฐานความรู้ (knowledge-based
economy) ในอนาคต การที่สื่ออิเล็กทรอนิกส์
โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งที่รวมความรู้จำนวนมหาศาล
ผู้เรียนจึงมีช่องทางและวิธีการเรียนรู้ให้เลือกอย่างหลากหลาย ผู้เรียนสามารถเลือกสื่อการเรียนการสอนได้ตามความถนัดและความสนใจ
ทั้งในรูปแบบของตัวอักษร รูปภาพ ภาพสร้างสรรค์จำลอง (animations) สถานการณ์จำลอง (simulations) เสียงและภาพเคลื่อนไหว
(audio and video sequences) กลุ่มอภิปราย (peer
and expert discussion groups) และการปรึกษาออนไลน์ (online
mentoring) ด้วยเหตุนี้
การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทำให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 มากกว่าการเรียนรู้โดยการฟัง การบรรยายในห้องเรียน หรือจากการอ่านหนังสือ
และทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วขึ้นถึงร้อยละ 60 ของการเรียนรู้แบบดั้งเดิม ทั้งนี้
ประสิทธิภาพและความรวดเร็วของการเรียนรู้มีความสำคัญมากสำหรับการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจโลกในอนาคต
เพราะจะทำให้คน องค์การ และประเทศ
สามารถปรับตัวและตอบสนองการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และ
ทำให้เกิดความรวดเร็วในการช่วงชิงความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ
รวมทั้งทำให้เกิดการพัฒนาทักษะของแรงงานได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การสร้างความสามารถในการหาความรู้ด้วยตนเอง
อี-เลิร์นนิ่งไม่ได้เป็นเพียงการเรียนโดยการรับความรู้หรือเรียนรู้
อะไรเท่านั้น แต่เป็นการเรียน "วิธีการเรียนรู้" หรือเรียนอย่างไร
ผู้เรียนในระบบการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จะเป็นคนที่มีความสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
เนื่องจากอี-เลิร์นนิ่งไม่มีผู้สอนที่คอยป้อนความรู้ให้เหมือนกับการศึกษาในห้องเรียน
ดังนั้น ผู้เรียนจึงได้รับการฝึกฝนทักษะในการค้นหาข้อมูล
การเรียนรู้วิธีการเข้าถึงแหล่งความรู้ การเลือกวิธีการเรียนรู้
และวิธีการประมวลความรู้ด้วยตนเอง ทั้งนี้ การที่คนมีความสามารถในการเรียนรู้
จะทำให้เกิดการพัฒนาอาชีพและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเอง
ซึ่งหากประเทศชาติมีประชาชนที่มีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่
จะทำให้เกิดผลดีต่อประเทศในแง่ของการสร้างองค์ความรู้ของคนไทย
และการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง
การพัฒนาความสามารถในการคิด
การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทางความคิดมากกว่าการฟังการบรรยายในห้องเรียน
เนื่องจากเป็นการสื่อสารแบบสองทางและมีรูปแบบของการเรียนรู้ที่หลากหลาย
การศึกษาทางไกล (distance learning) ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จะกระตุ้นและเอื้อให้เกิดการวิพากษ์อย่างมีเหตุผล
(critical reasoning) มากกว่าการศึกษาในห้องเรียนแบบเดิม
เพราะมีการปฏิสัมพันธ์ทางความคิดระหว่างผู้เรียนด้วยกันเอง นอกจากนี้
การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่านักศึกษาทางไกลระบบออนไลน์ (online students) ได้มีการติดต่อกับผู้เรียนคนอื่นๆ
ในชั้นเรียนมากกว่าเรียนรู้ด้วยความสนุกมากกว่า
ให้เวลาในการทำงานในชั้นเรียนมากกว่า มีความเข้าใจสื่อการสอนและการปฏิบัติมากกว่าผู้เรียนที่ได้รับการสอนในชั้นเรียนแบบเดิมโดยเฉลี่ยร้อยละ 20 อี-เลิร์นนิ่งทำให้เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้
ผู้เรียนจะมีการปฏิสัมพันธ์กับข้อมูลและความรู้จำนวนมาก
ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการต่อยอดความรู้ หรือทำให้เกิดความคิดใหม่ๆ
และการสร้างนวัตกรรมอันเป็นปัจจัยในการแข่งขันที่สำคัญมากที่สุดในการแข่งขันในเศรษฐกิจยุคใหม่
การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นช่องทางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่รัฐบาลและองค์การต่างๆไม่ควรมองข้าม
เนื่องจากประสิทธิภาพในการพัฒนาการเรียนรู้ และความเหมาะสมกับโลกยุคใหม่อย่างไรก็ตาม
การพัฒนาอี-เลิร์นนิ่งในประเทศไทยยังมีข้อจำกัดมากไม่ว่าจะเป็นความไม่พร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความไม่เพียงพอของฮาร์ดแวร์ (hardware) การขาดแคลนซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพและขาดเนื้อหาที่หลากหลาย
สรุป
ตัวผมเองคิดว่า แม้สื่อในรูปแบบใหม่เหล่านี้จะมีประโยชน์ที่จะช่วยเติมเต็มความรู้
ทักษะ ประสบการณ์ในการเรียนรู้ต่อผู้เรียน
แต่ครูผู้สอนก็ยังคงมีความสำคัญในการชี้นำแนะทางที่ถูกต้องเหมาะสมและต้องเลือกสรรสื่อการเรียนรู้ที่จะเกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด









